Dymista nasal spray คือ ยาพ่นจมูก สำหรับผู้ที่เป็นโรคโพรงจมูกอักเสบ ระดับปานกลาง – รุนแรง โดยใช้ได้ทั้งเด็กอายุมากกว่า 6 ปี ถึงผู้สูงอายุ โดยยาตัวนี้จะเป็นยาผสมระหว่างยาแก้แพ้ แะล ยาสเตียรอยด์ ทำให้ควบคุมอาการแพ้ได้ดีกว่าสเปรย์พ่นจมูกอื่นๆ
ยา Dymista spray เหมาะกับใคร
- ผู้ที่เป็นภูมิแพ้เฉพาะฤดูการ (seasonal allergic rhinitis)
- ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ตลอดทั้งปี (perennial allergic rhinitis)
- คนที่ใช้สเปรย์พ่นจมูกด้วยยาพ่นสเตียรอยด์แล้วยังคุมอาการแพ้ไม่ได้
- คนที่ทานยาแก้แพ้แล้วยังมีอาการแพ้อากาศอยู่บ่อยครั้ง
- ผู้ที่เป็นไซนัสอักเสบเรื้อรัง (Chronic sinusitis)
ขนาดการใช้ยา
- เด็กอายุน้อยกว่า 6 ปี ไม่แนะนำให้ใช้ยานี้
- เด็กอายุมากกว่า 6 ปี – ผู้ใหญ่ พ่นยา 1 ครั้ง เข้าไปในรูจมูกแต่ละข้าง วันละ 2 ครั้ง เช้า เย็น
วิธีการใช้ยา Dymista
- ก่อนพ่นยาให้เขย่าขวดเบาๆ ประมาณ 5 วินาที หากเป็นการเปิดใช้ครั้งแรกให้ไล่อากาศโดยกดหัวพ่นแล้วปล่อยประมาณ 6 ครั้ง
- สั่งน้ำมูกออกให้หมด
- ก้มศีรษะ อย่าแหงนหน้า
- จับขวดยาให้ตั้งขึ้น และค่อยๆ สอดปลายที่พ่นเข้าไปในจมูก
- ใช้นิ้วมือปิดรูจมูกอีกข้าง แล้วกดพ่นยาพร้อมกับสูดลมหายใจเข้า
- หายใจออกทางปาก
- ทำซ้ำเช่นเดิมในรูจมูกอีกข้าง
- หายใจเข้าช้าๆ และไม่ควรเหงนหน้าหลังพ่นยา เพื่อป้องกันยาไหลเข้าลำคอ จะทำให้การรับรสชาติผิดปกติ
- หลังจากการใช้เช็ดปลายหัวพ่นด้วยกระดาษและผ้า แล้วปิดฝาขวด
- หากไม่สามารถพ่นยาออกจากหัวสเปรย์ ห้ามเอาเข็มหรือของแหลมทิม แต่ให้ทำความสะอาดด้วยน้ำสะอาด
- หลังจากเปิดใช้ยานี้หากใช้ยานี้ไม่หมดภายใน 6 เดือน ควรทิ้งยาส่วนที่เหลือ
ข้อห้ามใช้
- ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ยา Azelastine และ Fluticasone หรือแพ้ยาสเตียรอยด์อื่นๆ
- ไม่แนะนำให้ใช้ในเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี
ข้อควรระวังการใช้ยา
- ระมัดระวังการใช้ในผู้ป่วย ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ทางเดินหายใจ
- ผู้ที่มีความดันในลูกตาสูง ต้อหิน หรือ ต้อกระจก
- การใช้ในเด็กหรือวัยรุ่น อาจมีผลกับการเจริญเติบโต ดังนั้นขณะใช้ให้ตรวจวัดความสูงสม่ำเสมอ
- ระมัดระวังอย่าให้ยาเข้าตา
- ยาพ่นจมูก Dymista มีสารกันเสีย เบนซาโคเนียมคลอไรด์ (Benzalkonium chloride) เป็นส่วนประกอบ ซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคืองเยื่อเมือกในจมูก (Nasal mucosa) และ หลอดลมหดเกร็ง (Bronchospasm)
- หญิงตั้งครรภ์ หากต้องใช้ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินประโยชน์และผลเสียที่จะได้รับ แม้ว่ายายังไม่มีรายงานการเกิดผลเสียกับเด็กที่อยู่ในครรภ์ แต่มีการทดลองการใช้ยาในหนูโดยให้ยามากกว่าการใช้ในมนุษย์ 240 – 500 เท่าที่ให้ในมนุษย์แล้วพบกับความผิดปกติของตัวอ่อน
- หญิงให้นมบุตร ยังไม่พบว่ายา นี้ขับออกทางน้ำนม แต่หากจำเป็นต้องใช้ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
ผลข้างเคียง (Side effect)
- การรับรู้รสขมที่คอและลิ้น (ฺBitter taste) พบบ่อย
- ง่วงนอน (Somnolence) พบบ่อย
- รู้สึกแสบจมูก จมูกแห้ง ระคายเคืองโพรงจมูก พบบ่อย
- เลือดกำเดาไหล ปากแห้ง เจ็บคอ พบปานกลาง
ปฎิกิริยากับยาอื่น
- ควรระมัดระวังการใช้ยานี้ร่วมกับ ยาที่เป็น strong cytochrome P-450 (CYP) 3A4 inhibitor
- ยาต้านไวรัส Ritonavir
- ยาฆ่าเชื้อรา Ketoconazole
- โดยยากลุ่มที่กล่าวไปข้างต้น หากใช้ร่วมกับยาไดมีสต้า จะทำให้ยา Fluticasone อยู่ในร่างกายได้นานขึ้น
ราคาในท้องตลาด
- ขวดละ 800 – 900 บาท
สรุปข้อมูลยา Dymista
จากข้อมูลที่เราได้พูดถึง จะเห็นว่าถึงแม้ยานี้จะเป็นยาสเปรย์พ่นจมูกซึ่งเป็นยาที่น่าจะมีความปลอดภัยสูง เพราะยาไม่ค่อยได้ดูดซึมเข้า แต่การใช้ยานี้ก็มีข้อควรระวังอยู่หลายจุด เช่น การใช้ยาในเด็กที่อายุต่ำกว่า 6 ปี การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ต้องระมัดระวังยาที่เกี่ยวข้องกับ CYP3A4 ดังนั้นกอนใช้ยานี้ควรสอบถามเภสัชกร หรือ แพทย์ที่ทำการรักษาอยู่ ก่อนที่จะนำยามาใช้เองโดยหาข้อมูลทาง internet เพียงอย่างเดียว