ความฝันของเภสัชกรหลายๆคน และผู้ประกอบการที่มองเห็นว่า “การเปิดร้านขายยา คือธุรกิจที่ดูมั่นคงเพราะเรามองว่ายาคือปัจจัย 1 ใน 4”แต่ร้านขายยา ไม่เหมือนหุ้นบลูชิพไปทั้งหมดและเจ้าความคิดด้านบนนี้แหละครับทำให้แทนทีจะเป็นหุ้นบลูชิพ กลายเป็นความชิบ…แทนเพราะอย่าลืมนะ ว่าแม้แต่หุ้นบลูชิพ ก็สามารถเจ็งได้เหมือนกัน ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
สารบัญ ( ยาวไปเลือกอ่านได้ )
1. เปิดร้านขายยาไม่เหมือนกับการซื้อหุ้น
2. การบริหารร้านขายยา ก็น้องๆร้านอาหารดีๆนี้เอง
- ต้องเริ่มคิดตั้งแต่วางแผนผังร้าน (Store Layout , Store Blueprint)
- กฎหมายต้องแน่น กฎเกณฑ์ต้องเปะ (Drug Law)
- สินค้าอะไรทีตอบโจทย์คนแถวร้าน ไม่ใช่สินค้าอะไรที่อยากขาย(อันนั้นเอาไว้ทีหลัง)
- บริหารคนให้ถูกงาน ได้งาน ไม่เปลืองแรง
- บริหารเวลาเป็น เหลือเวลาพัก เหลือเวลาพัฒนา
- เล็กใหญ่ไม่สำคัญ ราคาน่าดึงดูด การตลาดต้องมี แต่ Royalty ต้องมาก่อน
3. การวิเคราะห์คู่แข่ง รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง
- คู่แข่งมีไว้ให้เลียนแบบ และ มีไว้ให้แตกต่าง
- อย่าเอาชนะคู่แข่งด้วยสินค้าและราคาเพียงอย่างเดียวแต่จงโฟกัสที่ลูกค้า
- เปลี่ยนคู่แข่งเป็นคู่ค้า
- ห้ามใส่ร้ายคู่แข่งเด็ดขาดถือเป็นกฎเหล็กสำหรับทำการค้าทุกชนิด
4. จุดตายของการเลือกทำเลร้านขายยา
ทำการลงทะเบียนเพื่อที่เราจะต้องทำการตรวจสอบเลขที่ใบประกอบโรคศิลปะ และ ใบอนุญาตขายยา ว่าเป็นการซื้อยาของผู้รับอนุญาต ที่มีร้านขายยาถูกต้องตามกฏหมาย
เปิดร้านขายยาไม่เหมือนกับการซื้อหุ้น
แม้ว่าการเปิดร้านขายยา และ การซื้อหุ้นนั้น เรามีสิทธ์ในการเป็นเจ้าของเหมือนกัน แต่การเปิดร้านยานั้น แตกต่างจากการซื้อหุ้นอยู่หลายเรื่องมาก

- เปิดร้านขายยา ลงเงินแล้วไม่ได้ขายคืนง่ายๆเหมือนหุ้น เพราะฉะนั้น ทำเลทำเลทำเลเปิดร้านขายยา คือหัวใจด้านแรกถ้าเลือกดีมีชัยไปกว่าครึ่งแน่นอน
- ร้านขายยาเปิดแล้วไม่ได้ลงเงินอย่างเดียวเหมือนหุ้น แม้แต่หุ้นยังต้องบริหารพอร์ต เปิดร้านยา ก็ต้องมี การบริหารร้านขายยา ภายในร้าน
- เราเปิดได้คนอื่นก็เปิดได้ แล้วเราแตกต่างจากเขาอย่างไร ทำไมลูกค้าต้องเลือกเรา การวิเคราะห์คู่แข่งก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เรามองข้ามไม่ได้
ทั้งหมด 5 หัวข้อนี้ คือสิ่งที่เราต้องวิเคราะห์และตีโจทย์ให้ดีทีสุดก่อนเปิดร้านขายยา เพื่อที่หุ้นบลูชิพ จะไม่กลายเป็นความชิบ…ในภายหน้า ถ้าพร้อมแล้วเราไปลุยกันเลย
ทำเลเปิดร้านขายยา ดูเหมือนเลือกง่าย แต่มีบางสิ่งบางอย่างซ่อนอยู่
การเลือกทำเลนั้นเป็นทั้งศาสตร์และศิลปะ

1. ย่านชุมชนคนเดินถึง
หลายๆคนเมื่อเปิดร้านยา เลือกทำเลมีมองเห็นได้ชัดเจน ไม่มีสิ่งกึดขวางบังหน้าร้าน นั้นคือสิ่งที่ดีอย่างหนึ่งสำหรับการเปิดร้านขายยา แต่ไปพลาดตรงที่ระแวกของร้านขายยาเรา แถบจะไม่มีชุมชนโดยรอบ หรือมีก็เป็นย่านชุมชนที่บ้านอยู่ห่างกันมาก
เรามักพบเจอทำเลแบบนี้ตามย่านชานเมืองหรือต่างจังหวัด ทำให้เวลาลูกค้าเราจะมาซื้อยา ความถี่ในการที่จะเดินเขามาในร้านเรานั้นเกิดขึ้นได้น้อยมาก ถ้าไม่ตั้งใจขับรถมาจริงๆ และหลายๆครั้งเราพบว่าลูกค้าที่เดินเข้าร้านขายยานั้น ก็ไม่ได้เดินเข้าด้วยเหตุผลของการเจ็บป่วยเสมอไป
ทำให้เสียโอกาสในการขายสินค้าอื่นๆที่สามารถนำมาขายในร้านขายยาได้ เช่น อาหารเสริม เวชสำอาง ตรงจุดนั้นไปหากร้านเราอยู่ไกลแหล่งชุมชนที่มีคนพลุกพล่าน
2. เวลาการขาย time on sale สำคัญไม่แพ้ทำเล
หลายครั้งเรามักเลือกทำเลเพราะเห็นคนมีการกระจุดตัวอยู่บริเวณนั้นหนาแน่นหรือบริเวณที่มีชุมชนอยู่หนาแน่น แต่เราลืมมองไปว่า กลุ่มคนที่กระจุกตัวอยู่หนาแน่นบริเวณนั้น มีอยู่ในช่วงเวลาไหนบ้าง ทำให้ระยะเวลาในการขายของวันนั้น (time on sale per day)ค่อนข้างสั้น ทำให้เราเสียโอกาสของช่วงเวลาที่เหลือของวันนั้นไป
ทำให้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในช่วงเวลานี้ เราพบเจอทำเลแบบนี้ได้เยอะมาก ในบริเวณที่เป็นป้ายรถเมย์ รถไฟฟ้า จุดรับส่งรถตู้ หรือแม้แต่หมูบ้านจัดสรร ที่กลางวันบริเวณนั้นไม่มีคนที่อยู่ ซึ่งจุดต่างๆแหละนี้เป็นจุดที่มีช่วงเวลาที่คนมารวมกันเป็นระยะเวลาที่สั้นและบางครั้งคนแหละนี้ก็เร่งรีบจนไม่มีเวลามาเลือกซื้อสินค้าหรือปรึกษาเรา
3. กำลังซื้อของคนบริเวณนั้น
จำนวนมากไม่เท่ากับคุณภาพดี ทำเลบางจุดมีคนอยู่อาศัยเยอะจริง แต่ว่ากำลังซื้อและการจับจายใช้สอยของคนบริเวณนั้นต่ำมาก ทำให้การขายสินค้าชื้นใหญ่นั้นทำได้ยากขึ้น หลายๆครั้งเวลาเวลาเรานำเสนอสินค้าให้แกลูกค้าได้จบ แต่กลับตละปัด 2 รอบพบว่าลูกค้าใช้จ่างต่อวันที่น้อยมาก
ไม่มีเงินในกระเป๋าสตางค์ขณะนั้นเพื่อที่จะตัดสินใจซื้อได้ทันที ทำให้สุดท้ายกลายเป็นน้ำท่วมทุ้ง ผักบุ้งโหรงเหลง พูดมาตั้งนายกว่าจะเปิดใจ กว่าจะปิดการขาย แต่ดันเกิดสะดุดตอนจบเพียงแค่เงินไม่พอ ณ. เวลานั้น
4. พฤติกรรมการใช้ชีวิตของชุมชนนั้น
ชุมชนสุดหรู แต่นอนอยู่บ้านกันหมด เรามักพบความเข้าใจผิด 1 อย่าง ถือเป็นศิลป์การประเมินทำก็ว่าได้ คือ การเปิดร้านยาในบริเวณที่มีคนมีกำลังซื้อ (ถามว่าจริงแล้วก็ไม่ได้ผิด และเป็นความคิดที่ดี) แต่หลายๆครั้งเราพลาดไป คือ เราไม่ดูพฤติกรรมของคนในชุมชนนั้นๆ ว่าแต่ละวัน ลูกค้าเหล่านี้ทำอะไรกันบ้าง และ มีความกระตืนรือร้นที่จะออกมานอกบ้าน เพื่อมาช๊อปปิ้งมากน้อยเพียงไหน
รวมถึงพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของคนในบริเวณนั้นด้วย เรามักพบได้กับ ชุมชนที่เป็นหมู่บ้านจัดสรร บ้านใครบ้านมัน กลับถึงบ้านก็อยู่เพียงแต่บ้านของตน โดยตรงจุดนี้ผู้ที่จะตั้งร้านยาบริเวณนั้นควรดูพฤติกรรมของกลุ่มคนบริเวณรอบๆเราไว้ด้วยเป็นต้น
5. การคมนาคมในบริเวณนั้นมองออก ตีโจทย์แตกมีชัยไปกว่าครึ่ง
หลายๆครั้งเราเลือกทำเลบริเวณที่มีการสัญจรไปมา ซึ่งถือว่าดี ถ้าการสัญจรไปมานั้นมีจุดให้ลูกค้าได้ใช้เวลาในการจับจ่ายใช้สอย เช่น จุดที่ต่อรถและมีตลาด จุดที่มีการคมนาคมหลายสายและหลายช่องทางวิ่งเข้าหา
ซึ่งเป็นตัวดึงดูดคนจากที่อื่นมา เช่นร้านขายยาบริเวณโรงพยาบาลศิริราช ที่มีการคมนาคมทั้งทางรถ ทางเรือ รถไฟ รถตู้วิ่งเข้ามายังบริเวณนั้น
6. ที่จอดรถสำคัญไฉนและความสะดวกสบาย
ด้วยยุคสมัยเปลี่ยนไป หลายๆคนมีรถไว้ใช้งานเองที่บ้าน ซึ่งเวลาไปไหนก็ใช้รถมากกว่าการเดิน ทำให้ปัจจุบัน ที่จอดรถจึงเป็นจุดสำคัญที่ขาดไม่ได้จริงๆ
ซึ่งเป็นจุดเรียกคนมาร้านทางหนึ่งเลยก็ว่าได้ และถ้าเราขาดในส่วนนี้ไปก็จะทำให้เสียโอกาสในการเพิ่มจำนวนลูกค้าเข้าร้านและโอกาสในกาขายสินหลายๆอย่างไปแบบไม่รู้ตัวกันเลยทีเดียว
กลับสู่สารบัญการบริหารร้านขายยา ก็น้องๆร้านอาหารดีๆนี้เอง

ต้องเริ่มคิดตั้งแต่วางแผนผังร้าน (Store Layout , Store Blueprint)
- แผนผังร้าน วางดีของไม่หาย ขายของง่ายกว่าที่คิด นับว่าเป็นอีก 1ศาสตร์และศิลป์ ในการออกแบบร้านขายยาเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะร้านที่มักให้ลูกค้าบริการตนเอง ในสินค้าอื่นๆที่นอกเหนือจากยาอันตราย แต่ร้านที่เป็นร้านขายปลีกในราคาส่ง (Keyaccount store) ที่เน้นให้ผู้ขายหยิบสินค้าหรือยาจากหลังเคาร์เตอร์ให้ ก็แบบแนวทางในการช่วยให้การทำงานทำได้สะดวกขึ้นอีกเช่นกัน
กฎหมายต้องแน่น กฎเกณฑ์ต้องเปะ (Drug Law)
- กฎหมายเกี่ยวกับการเปิดร้านขายยานั้นค่อนข้างมีรายละเอียดเยอะและเอกสารค่อนข้างมาก หากเปิดร้านขายยาแล้วควรศึกษารายละเอียดให้ดีก่อน เพราะหากทำผิดกฎหมายแล้วถูกปรับก็อาจจะทำให้สูญเสียเงินเป็นจำนวนมากได้
สินค้าอะไรทีตอบโจทย์คนแถวร้าน ไม่ใช่สินค้าอะไรที่อยากขาย(อันนั้นเอาไว้ทีหลัง)
- หลายๆครั้งเวลาทำธุรกิจคนจำนวนไม่น้อยมักชอบคิดว่าขายสินค้าอะไรดี แต่มีคนจำนวนน้อยที่มักคิดสวนทางว่าคนเหล่านี้ต้องการสินค้าอะไร และสินค้าชิ้นนี้เกิดมาเพื่อใคร
- การลงสินค้าภายในร้านช่วงแรกอย่าเพิ่งลงยาและสินค้าเยอะจนเกินไป แต่ก็อย่าน้อยจนร้านดูเหมือนไม่ขายอะไร จำนวนชิ้นของสินค้าที่แนะนำต่อ 1 SKU ประมาณ 1-3 ชิ้น และให้ลงสินค้าตลาดที่คาดว่าคนบริเวณนั้นต้องใช้แน่ๆก่อน แล้วค่อยๆสำรวจตลาดแถวนั้นว่าลูกค้าบริเวณนั้นใช้สินค้าอะไร ไม่ใช้สินค้าอะไรแล้วค่อยๆปรับสินค้าภายในร้าน และหาสินค้าทดแทนเพื่อทำกำไร
บริหารคนให้ถูกงาน ได้งาน ไม่เปลืองแรง
- การทำร้านขายยา หลายครั้งเราไม่สามารถจัดการทุกเรื่องได้เพียงตัวคนเดียว เมื่อร้านมีขนาดใหญ่ขึ้น หรือมีจำนวนสินค้าเยอะขึ้น อย่างน้อยการเปิดร้านขายยาควรจะจ้างผู้ช่วย 1 คน ไม่แนะนำเลยสำหรับการทำร้านขายยาเพียงคนเดียวเพราะคุณจะรู้สึกว่าความสุขในชีวิตหายไปเยอะมาก ไม่เชื่อก็ลองดูได้
การบริหารคนจึงสำคัญลองฝึกดูความถนัดและประเมินความสามารถของพนักงานเราอยู่เสมอๆนะ
บริหารเวลาเป็น เหลือเวลาพัก เหลือเวลาพัฒนา
- การบริหารเวลา เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับร้านขายยา เพราะเวลาเรามีเท่ากัน ใครบริหารเวลาได้เก่ง คุณจะเหลือเวลาทำงานอื่นๆเพื่อพัฒนาร้านในมิติอื่นๆเพื่อส่งเสริมการขายและลดการสูญเสียของสินทรัพย์ ทำให้ผลกำไรเพิ่มขึ้นแถมยังเหลือเวลาไปเที่ยวอีกด้วย
เล็กใหญ่ไม่สำคัญ ราคาน่าดึงดูด การตลาดต้องมี แต่ Royalty ต้องมาก่อน
- การทำร้านขายยาจะมีจุดแตกต่างจากร้านค้าทั่วไปอื่นๆอยู่ 1 จุดสำคัญนั้นคือ ร้านขายยา ลูกค้าจะให้ความเชื่อถือและความไว้วางใจมากกว่าร้านค้าอื่นๆ หากลูกค้าคนไหนเป็นลูกค้าประจำของเราแล้ว มักจะเป็นลูกค้าในระยะยาว ลูกค้าจะเชื่อมั่นมากขึ้นหากผู้ที่แนะนำการใช้ยาสามารถทำให้ลูกค้าหายจากการเจ็บป่วย รวมถึงถ้าบุคคลที่แนะนำเป็นเภสัชกร จุดนี้เป็นจุดแข็งมากสำหรับร้านขายยาที่จะทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อยาหรือสินค้าอื่นๆซ้ำความภักด๊(Royalty ) และ ความไว้วางใจ (Trust) จึงสำคัญมากนอกเหนือจากราคายาและสินค้าที่ถูกแล้ว ตัวบุคคลก็สำคัญไม่แพ้กัน นับได้ว่าเป็น Value proposition หรือ คุณค่าของร้านขายยาที่ส่งมอบให้ลูกค้าเลยก็ว่าได้
- แต่ด้วยการแข่งขันที่มากขึ้นในปัจจุบัน เราก็ไม่อาจมองข้ามเรื่องการตลาดได้ เพราะสินค้าอื่นๆนอกจากยาที่อยู่ภายในร้านก็มีธุรกิจอื่นๆที่ขายสินค้าประเภทเดียวกัน จึงไม่ควรละเลยการจัดแคมเปญทางการตลาดสำหรับร้านยาเพื่อสื่อสารไปยังลูกค้า โดยการทำการตลาดควรทำทั้งช่องทาง Offline (หน้าร้าน) และ Online และควรเลือกใช้สื่อการตลาดที่เข้าถึงลูกค้าได้ถูกกลุ่ม
Fix cost จุดตาย เรื่องง่ายที่เจ้าของร้านไม่รู้
- Fix cost เป็นเรื่องที่สำคัญมากก่อนที่จะเริมเปิดร้านขายยาด้วยซ้ำ Fix cost คืออะไร มันคือค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายแน่ๆที่ตามหลอกหลอนคุณในทุกๆเดือน และเป็นค่าใช้จ่ายทีคุณหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น ค่าเช่าร้าน ค่าจ้างพนักงานค่าไฟขั้นต่ำ
ซึ่งถ้าหากว่ากำไรในแต่ละเดือนของเรายังไม่สามารถมากกว่า Fix cost เหล่านี้ ก็เท่ากับว่าเราแถบจะทำงานเหนื่อยฟรีเลยก็ว่าได้ในแต่ละเดือน
Stock balance เงินคุณที่มองไม่เห็น
- Stock balance หรือสินค้าคงคลังโดยส่วนใหญ่แล้วร้านขายยาที่จะมีสินค้าคงคลังเยอะ มักเป็นร้านที่มีผู้แทนยาสวยหน้าตาดีเข้า และเจ้าของร้านเป็นผู้ชาย ปัดโถ่!!! มันเกี่ยวกันมั้ยเนี่ย
- ร้านขายยาที่จะมีกำไรเหลือไม่ใช่ร้านที่มีของเยอะ แต่เป็นร้านขายยาที่มีของเพียงพอที่จะขายในระยะเวลาไม่เกิน 1-3 เดือนในทางปฏิบัติ เดี่ยวในบทความอื่นจะมาสอนให้ว่าจะคำนวณสินค้าคงคลังอย่างไร และมีสินค้าที่ถูกขายช้าน้อย (Slow moving goods) หรือสินค้าที่ไม่ถูกขายน้อย ถึงจะมีกระแสเงินสดที่เพิ่มขึ้นและมีเงินเหลือสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆภายในร้าน
- เพราะสิ่งสำคัญสำหรับทุกธุรกิจ รวมถึงการเปิดร้านขายยา นั้นคือสิ่งที่เรียกว่า “กระแสเงินสดคงเหลือ” นั้นเอง หากขาดกระแสเงินสดแล้วธุรกิจนั้นจะหยุดขะงักลงทันที ซึ่งก็คือเจ็งได้นั้นเอง
การวิเคราะห์คู่แข่ง รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง

คู่แข่งมีไว้ให้เลียนแบบ และ มีไว้ให้แตกต่าง
ไม่มีหลอกธุรกิจที่ไม่มีคู่แข่ง เพียงแต่ว่าจะมีคู่แข่งน้อยหรือคู่แข่งมาก หรือเป็นคู่แข่งทางตรงหรือทางอ้อมกับธุรกิจนั้นก็เท่านั้นเอง
การเปิดร้านขายยาก็เช่นกัน ซึ่งที่เราต้องทำเลยคือเราต้องดูคู่แข่งเราและประเมินคู่แข่งเราก่อนที่จะเปิดร้านแล้ว เพราะอย่าลืมว่าการเปิดร้านขายยาลงเงินแล้วไม่ได้ถอนคืนง่ายๆเหมือนเล่นเกมเศรษฐี เราต้องลองเขาไปสำรวจร้านคู่แข่งว่าเขามีจุดแข็งอะไร มีจุดอ่อนตรงไหน ลูกค้าเขาเป็นคนกลุ่มไหน แล้วเขามีกลยุทธ์ของร้านที่กล่าวๆมาด้านบนแบบไหนบ้าง แล้วเราจะนำสิ่งเหล่านี้มาปรับใช้กับร้านของเราเพื่อแก้ทางคู่แข่งอย่างไร
อย่าเอาชนะคู่แข่งด้วยสินค้าและราคาเพียงอย่างเดียวแต่จงโฟกัสที่ลูกค้า
เคยคิดมั้ย สินค้าที่คุณมี ใครๆเขาก็มีได้ถ้าคุณพยายามจะแข่งแต่เรื่องสินค้า คู่แข่งมีสินค้าอะไรเราต้องมี สต๊อกสินค้าจะบวมยิ่งกว่าตัวคุณอีกและสุดท้ายสินค้าก็จะหมดอายุ แล้วคุณแก้ปัญหาด้วยวิธีไหนละ ลดราคาแข่งไง
แข่งราคา บางครั้งการแข่งเรื่องราคาก็เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ แต่การแข่งเรื่องราคาย่อมไม่เป็นผลดีแน่เนื่องจากกำไรที่เราจะได้นั้นลดลง แต่ในสินค้าบางรายการที่จำเป็นต้องแข่งก็ต้องทำการแข่งราคา แต่ก็อย่าลืมนะครับ ถ้าเราดึงดูดลูกค้าด้วยราคาโดยที่ไม่ใช้วิธีอื่นร่วมด้วยเลย ลูกค้าก็จะเดินจากเราไปด้วยเหตุผลของราคาเช่นกัน
จงโฟกัสที่ลูกค้า คนที่สำคัญที่สุดสำหรับร้านขายยาของคุณคือใคร ไม่ต้องตอบ ผมก็ได้ครับ คุณน่าจะรู้ดีอยู่แล้ว การโฟกัสลูกค้าจะทำให้คุณได้ใจลูกค้า และนี้คือสิ่งที่คุณจะได้มันไปเป็นเวลานานเลยทีเดียว โดยไม่ว่าคู่แข่งจะแข็งเกร่งขนาดไหนก็แย่งลูกค้าคุณไปได้ไม่หมด รวมถึงคุณจะเห็นความต้องการทีแท้จริงของลูกค้า แล้วเลือกสินค้ามาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ตรง โดยที่ไม่ต้องสต๊อกของมากจนเกินไป
เปลี่ยนคู่แข่งเป็นคู่ค้า
อย่าเพิ่งงง ว่าผมจะมาแนะนำอะไรเนี้ยจะเล่นลูกไม้อะไรอีก คู่แข่งจะเปลี่ยนเป็นคู่ค้าได้ยังไง จริงอยู่ที่หากเป็นธุรกิจที่มีความเหมือนกันมากๆและอยู่ในพื้นที่เดียวกัน จะเปลี่ยนจากคู่แข่งเป็นคู่ค้านั้นอาจทำได้ยาก ตรงจุดนี้แหละที่ผมจะบอกในข้อที่ผ่านมาว่าอย่าเอาชนะคู่แข่งด้วยสินค้าอย่างเดียว แล้วคุณจะได้ทั้งลูกค้าและได้ทั้งมิตร เพราะว่าสินค้าบางอย่างคุณไม่จำเป็นจะต้องลงเป็นจำนวนมากๆก็ได้
หากคุณไม่ได้มีลูกค้ากลุ่มนั้นมาก หรือเขาอาจจะเป็นลูกค้าของร้านคู่แข่งของคุณมากก่อนทีจะมีร้านคุณ แต่การทีเขาเปลี่ยนมาซื้อร้านคุณอาจจะด้วยหลายๆเหตุผลมากมาย ซึ่งคนเรามีหลายเหตุผลสำหรับการซื้อสินค้า 1 ชิ้น อาจจะซื้อเพราะใกล้ร้านคุณมากกว่า หรือขึ้เกียจไปเสียเวลาซื้อ ไหนก็ซื้อของที่นี้หลายอย่างแล้วก็ซื้อซะเลย คุณก็สามารถที่จะไปซื้อสินค้าจากคู่แข่งคุณนี้แหละมาขายต่อได้ ได้มิตรแถมไม่เสียลูกค้าอีกด้วย
ห้ามใส่ร้ายคู่แข่งเด็ดขาดถือเป็นกฎเหล็กสำหรับทำการค้าทุกชนิด
ถือเป็นข้อห้ามเลยเด็ดขาดเลยทีเดี่ยว เพราะมันมีแต่เสียกับเสียครับ อย่างแรกคือ เราไม่มีทางรู้เลยว่าลูกค้าที่เราคุยด้วยนั้น เขาเป็นลูกค้าอีกกับคู่แข่งคุณมายาวนานขนาดไหนและมีความสนิมสนมกันระดับไหน ยิ่งถ้าเขาเป็นญาติหรือเพื่อนสนิทกับคู่แข่งคุณด้วยแล้วละ ยิ่งกว่าส้มเน่าหล่นใส่หัวเลยอะนะ และลองจินตนาการว่าตัวคุณเองเป็นลูกค้า คุณจะมองผู้ที่ใส่ร้ายคนอื่นเป็นคนอย่างไร
จริงๆผมจะบอกว่า ลูกค้าเขาไม่ได้ซื้อคุณหรือคู่แข่งเท่านั้น เขาอาจจะยังซื้อที่อื่นๆ และอื่นๆ อีกหลากหลายทีครับ เพราะฉะนั้นเปิดใจให้กว้างและดูแลลูกค้าให้ดี ดีกว่าเสียเวลามานั่งใส่ร้ายกันครับ

จุดตายของการเลือกทำเลร้านขายยา
ร้านขายยามีจุดรถผ่านน่าจะดี
หลายคนเห็นทำเลที่มีรถผ่าน ก็สรุปเอาง่ายๆเลยว่า เป็นทำเลที่หน้าเปิด ทำเลลักษณะนี้ส่วนใหญ่เรามักจะเจอตามชานเมือง และติดถนนใหญ่ แต่ขึ้นชื่อว่ารถผ่าน ก็คือ “รถผ่าน” จริงๆ คือผ่านแล้วผ่านเลย ผ่านแบบไม่จอด แถมบ้างร้านยังดันไม่มีที่จอดรถให้ลูกค้าอีก แล้วอย่างนี้จะได้ลูกค้าจากที่ไหน
เลือกเพราะถูก แต่ไม่ได้ประเมินความคุ้มค่า
หลายๆครั้งพอพูดถึงค่าเช่า คนที่เริ่มทำธุรกิจส่วนใหญ่ หรือ การเปิดร้านขายยา ก็จะต้องถูกนำมาคิดคำนวณในทันที แต่ถ้าคุณพลาดตรงจุดนี้ไป คุณอาจพลาดโอกาสดีๆหลายๆอย่าง หรืออาจทำให้คุณเจ๊งตั้งแต่เริ่มเปิดเลยก็ได้ แต่หลายๆครั้งเรามักผิดพลาดตรงจุดที่เจอ “กับดักของค่าเช่า”
หลายคนมองค่าเช่าไปที่เม็ดเงินว่าต้องจ่ายเท่าไหร่ต่อเดือน แล้วตีความแบบคิดเอาเองว่า “ค่าเช่า ถูกหรือแพง” แต่จุดสำคัญไม่ใช่ว่าค่าเช่าถูกหรือว่าแพง แต่สิ่งที่สำคัญคือเราควรคิดว่า คุ้มค่า หรือ ไม่คุ้มค่ากันแน่ เพราะหากค่าเช่าถูกแล้ว แต่ฐานลูกส่วนใหญ่เป็นคนที่มีกำลังซื้อต่ำ อาจจะไม่คุ้มค่าต่อการเช่าซึ่งอาจจะทำให้ขาดทุนได้ แต่บางทีค่าเช่าร้านขายยา บางที่อาจมีราคาที่สูงกว่า แต่ได้กลุ่มคนที่มีกำลังในการซื้อมากกว่าก็อาจจะคุ้มค่ากว่าในระยะยาว
Google map มีทั้งคุณและโทษ อย่าเลือกทำเลจาก google map เพียงอย่างเดียว
หลายๆคนคงเคยดูข่าวเกี่ยวกับ google map ที่พาคนหลงทางบ้าง พาตกห้วย หนอง คลอง บึง บ้างสิ่งที่จะบอกก็คือการเลือกทำเลด้วย google map นั้นมีทั้งคุณและโทษ ประโยชน์ของการเลือกดูทำเลด้วย google map นั้นเป็นเพียงการ scan เริ่มต้นที่ดี เนื่องจากเดี่ยวนี้ google map พัฒนาไปมาก ทำให้เราเห็นพื่นที่บริเวณต่างๆเหล่านั้นได้ชัดขึ้น ซึ่งเป็นพื่นที่จริงๆ ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาขับรถไปดูในทุกๆที่
แต่สิ่งที่ google ให้เราไม่ได้คือคุณลักษณะหรือพฤติกรรมของกลุ่มคนที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น ซึ่งได้บอกไปแล้วว่าลักษณะและพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้า บริเวณนั้นมีความสำคัญมากในการตัดสินใจ มากกว่าที่เราจะมาใช้ดู google เพื่อหาทำเลเท่านั้น ซึ่งจริงๆควรจะต้องใช้ google และ การไปดูสถานที่จริง เพื่อการประกอบการตัดสินน่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า
เลือกทำเลร้านยาพลาดอย่าเพิ่งหมดหวัง
ไม่มีทาง ไม่มีจริง Nick genieหลายครั้งสิ่งที่เราคาดหวัง ก็อาจไม่เป็นดั่งที่วาดไว้ แต่อย่าเพิ่งท้อแท้หมดหวัง เมื่อเลือกทำเลร้านพลาด เราอาจต้องหาวิธีการแก้ไขปัญหานี้ ด้วยการขายในหลายๆช่องทาง ในสินค้าที่ไม่ใช่ยาก็สามารถทำได้
หาโอกาสในสิ่งที่พลาด บางคนเปิดร้านขายยา ก็พลาดตั้งแต่การเริ่มเลือกทำเลแล้ว แต่ถ้าเราวิเคราะห์ทำเลดีๆเราอาจจะพบว่าจริงๆแล้ว ทำเลแบบนี้ที่เราเช่าอาจจะเหมาะกับธุรกิจอย่างอื่น เราอาจจะต้องเปลี่ยนแปลงธุรกิจให้เป็นรูปแบบอื่นๆแทน หรือ เราพอจะหาช่องทางการขายอื่นๆ ได้หรือไม่ แต่เราต้องศึกษาธุรกิจที่เราจะเปิดใหม่ดีๆด้วยน่ะ ไม่งั้นเจ๊งซ้ำซ้อนเลยน่ะ
เรายังมีดีอะไร และยังมีอะไรเหลือหลายครั้งการที่เราเลือกทำเลผิดพลาด หรือทำอะไรพลาดเรามักจะมีแต่สิ่งแย่ๆในหัว หรือความคิดที่มาบั่นทอนจิตใจ ทำให้เราพลาดที่จะมองเห็นข้อดีหลายๆอย่างในทำเลนั้น ซึ่งจริงๆแล้วการเลือกทำเลพลาด ผมจะบอกว่ามันเป็นเพียงแค่ความคิดในมุมเดียวของเราเท่านั้น
เพราะในความเป็นจริงทุกทำเลมีข้อดีและข้อเสียเสมอ ดังนั้นทำเลทีดีไปทั้งหมด และ ทำเลที่แย่ไปทั้งหมดนั้น ไม่มีจริง มีแต่ว่าดีมาก หรือ แย่มากกว่ากัน “ ทำที่ดีหรือไม่ดีไม่มี มีแต่ทำเลที่ไม่เหมาะกับธุรกิจนั้นต่างหาก” บางครั้งความผิดพลาดก็ไม่ได้เกิดจากทำเล แต่เกิดจากการบริหารจัดการ การตลาดร้าน และการบริการ เราอาจจะต้องวิเคราะห์ในจุดนี้ด้วยแล้วทำการปรับปรุงในส่วนต่างๆเหล่านี้ก็จะทำให้ร้านเรากลับมาดีขึ้นได้
ขายต่อต้องนำเสนอเป็น แต่ถึงที่สุดแล้วถ้าเราพยายามทำทุกวิถีทางแล้ว แต่ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรให้ดีขึ้นหรือคิดว่าต้องการเริ่มต้นใหม่ การขายต่อนั้นก็ถือว่าเป็นทางออกที่ดี แต่จะดีหรือไม่ดีคือการนำเสนอข้อดีที่ร้านเรามี เพราะในทุกธุรกิจย่อมมีคนที่มองเห็นโอกาสนั้นๆเสมอ
กลับสู่สารบัญสรุปการเปิดร้านขายยา
ไม่มีทำเล เปิดร้านขายยา ไหนดี 100% ให้คุณเจอได้ง่ายๆหรอกครับ แต่ถ้าคุณเจอมันอย่าลิมลอง check list หลายๆอย่างทีบทความนี้บอกไว้ และจงอย่าใช้สัญชาติญาณอย่างเดียวในการเลือก แต่จงหาข้อมูลจากคนในพื้นทีหรือคนระแวกนั้นให้ได้มากที่สุด สุดท้ายหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับหลายๆท่านที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการเปิดร้านขายยา หากชอบฝากแชร์ข้อมูลดีๆด้วยนะครับ “ขอให้ทุกท่าน เปิดร้านขายยา ขายดี จนลืมเจ็งครับ “